ขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์: เลือกแบบไหนดี? ระหว่างขนเอง VS จ้างมืออาชีพ (สรุปครบจบที่เดียว)
ไม่ว่าจะย้ายบ้าน ย้ายคอนโดไปจังหวัดใหม่ หรือเพิ่งซื้อ-ขายรถคันข้ามภาค หรือกำลังวางแผนทริปใหญ่ที่อยากเอามอเตอร์ไซค์คู่ใจไปด้วย คำถามสำคัญที่ตามมาก็คือ “เราจะขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์คันนี้ไปอย่างปลอดภัยที่สุดได้อย่างไร?”
ตัวเลือกในใจของหลายคนมักจะมีอยู่ 2 ทางหลักๆ คือ ลงมือขนย้ายด้วยตัวเอง เพื่อเซฟค่าใช้จ่าย กับอีกทางคือ ใช้บริการขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์มืออาชีพ ที่มอบความสะดวกสบายและความอุ่นใจในการขนย้าย
แต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน บทความนี้จะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ในทุกมิติ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และขั้นตอนที่ต้องเจอ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าทางไหนคือคำตอบที่ ‘ใช่’ ที่สุดสำหรับคุณและรถสองล้อคู่ใจของคุณ
เปรียบเทียบหมัดต่อหมัด: ขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์เอง VS ใช้บริการมืออาชีพ
เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนและสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เรามาดูตารางเปรียบเทียบในประเด็นสำคัญต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางคร่าวๆให้คุณพิจารณาดูครับ
เจาะลึก: การขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเอง

สำหรับคน หรือไบค์เกอร์ที่รักความท้าทาย มีเวลา มีอุปกรณ์ และต้องการควบคุมงบประมาณให้ประหยัดที่สุด การขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเอง คือตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แม้จะต้องลงแรงและวางแผนมากกว่า แต่ก็ให้ความรู้สึกภูมิใจเมื่อทำสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ก่อนจะตัดสินใจเลือกทางนี้ เรามาดูรายละเอียด ข้อควรระวัง และขั้นตอนทั้งหมดกันก่อนครับ
ข้อดี-ข้อเสียของการขนย้ายเอง
การตัดสินใจที่ดีเริ่มต้นจากการมองให้รอบด้าน นี่คือข้อดีและข้อเสียที่คุณต้องชั่งน้ำหนัก
ข้อดี:
- ประหยัดค่าบริการ: คุณจะจ่ายแค่ค่าใช้จ่ายตามจริง เช่น ค่าน้ำมัน ค่าอุปกรณ์ที่จำเป็น ซึ่งอาจถูกกว่าการจ้างบริษัทอย่างเห็นได้ชัด
- ควบคุมได้ 100%: คุณสามารถกำหนดวัน-เวลาเดินทาง เส้นทาง และวิธีการดูแลรถของคุณได้ทั้งหมด
- ยืดหยุ่นสูง: ไม่ต้องรอคิวหรือนัดหมายกับใคร พร้อมเมื่อไหร่ก็สามารถขนย้ายได้ทันที
ข้อเสีย:
- ความเสี่ยงสูง: หากไม่มีประสบการณ์ อาจเกิดความเสียหายกับตัวรถได้ง่าย ตั้งแต่รอยขีดข่วนเล็กน้อยไปจนถึงอุบัติเหตุรุนแรง
- ต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทาง: คุณจำเป็นต้องมีรถกระบะ, สะพานสำหรับนำรถขึ้น-ลง และสายรัดคุณภาพดี รวมไปถึงวัสดุห่อหุ้มกันรอย ซึ่งไม่ใช่ของที่ทุกบ้านจะมี
- ใช้เวลาและแรงงานมหาศาล: ไม่ใช่แค่เวลาขับรถ แต่รวมถึงเวลาเตรียมของ, การนำรถขึ้น-ลง และความเหนื่อยล้าที่ต้องแบกรับ
- ไม่มีประกันคุ้มครอง: หากเกิดความเสียหายใดๆ คุณต้องรับผิดชอบค่าซ่อมทั้งหมดด้วยตัวเอง
Checklist สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเอง
การเตรียมตัวที่ดีคือหัวใจของความสำเร็จ ก่อนจะเริ่มเดินทาง อย่าลืมตรวจสอบ Checklist เหล่านี้
1. ยานพาหนะขนย้าย:
- รถกระบะ: เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นกระบะมีพื้นที่เพียงพอและสามารถรองรับน้ำหนักรถของคุณได้
2. อุปกรณ์สำคัญที่ต้องมี:
- สะพานสำหรับนำรถขึ้น: ต้องแข็งแรงและรับน้ำหนักได้มากกว่าตัวรถมอเตอร์ไซค์
- สายรัด (Ratchet Straps): ควรมีอย่างน้อย 4 เส้น และควรเป็นสายรัดคุณภาพสูง แนะนำให้ใช้คู่กับ Soft Loops (สายรัดแบบมีปลอกนุ่ม) เพื่อป้องกันรอยบนตัวถังหรือโช้ค
- แท่นตั้งล็อคล้อหน้า (Wheel Chock): (แนะนำให้มี) อุปกรณ์นี้จะช่วยล็อคล้อหน้าให้อยู่กับที่ ทำให้การรัดรถง่ายและมั่นคงขึ้นมาก
- ผ้านุ่มหรือผ้าห่มเก่า: สำหรับรองตามจุดที่สายรัดสัมผัสกับตัวรถเพื่อป้องกันรอย
3. การเตรียมสภาพรถมอเตอร์ไซค์:
- ลดปริมาณน้ำมัน: เหลือน้ำมันไว้ในถังไม่เกิน 1/4 เพื่อลดน้ำหนักและป้องกันการรั่วไหล
- ถ่ายรูปสภาพรถ: ถ่ายรูปเก็บไว้ทุกมุมเพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิง เผื่อเกิดรอยขีดข่วนโดยไม่ตั้งใจ
- ถอดชิ้นส่วนที่บอบบาง: หากเป็นไปได้ ให้ถอดกระจกมองข้างหรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่อาจหักง่ายออกก่อน
วิธีแพ็คและรัดรถมอเตอร์ไซค์ก่อนส่งให้ปลอดภัย
นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการขนส่งมอเตอร์ไซค์ปลอดภัย ต้องทำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ
1. นำรถขึ้นกระบะ: ควรทำอย่างน้อย 2 คน คนหนึ่งคอยควบคุมแฮนด์และประคองรถขึ้นสะพาน อีกคนคอยช่วยดันจากด้านหลังอย่างช้าๆ
2. จัดตำแหน่งรถ: นำรถไปจอดให้ชิดหัวกระบะมากที่สุด หากมีแท่นตั้งล็อคล้อหน้า (Wheel Chock) ให้ดันล้อหน้าเข้าไปล็อกไว้ จะทำให้รถนิ่งและตั้งตรงได้เอง
3. ยึดด้านหน้า (สำคัญที่สุด):
- ใช้สายรัด 2 เส้น ยึดจากจุดที่แข็งแรงของตัวรถ เช่น บริเวณแผงคอล่าง (Lower Triple Clamp) ห้ามยึดที่แฮนด์เด็ดขาด เพราะอาจทำให้แฮนด์คดงอได้
- เกี่ยวปลายสายรัดอีกด้านกับหูยึดของกระบะ ดึงสายรัดให้ตึงเท่าๆ กันทั้งสองข้าง เป้าหมายคือการกดให้โช้คหน้ายุบตัวลงเล็กน้อย (ประมาณ 1-2 นิ้ว) เพื่อสร้างแรงกดและความตึงให้รถนิ่ง
4. ยึดด้านหลัง:
- ใช้สายรัดอีก 2 เส้นที่เหลือ ยึดจากจุดแข็งแรงช่วงท้ายรถ เช่น โครงรถ, สวิงอาร์ม หรือที่พักเท้าคนซ้อน
- ดึงให้ตึงพอดีๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ท้ายรถสะบัดหรือขยับไปด้านข้าง
5. ตรวจสอบขั้นสุดท้าย:
- ลองโยกรถมอเตอร์ไซค์เบาๆ ตัวรถและรถกระบะควรจะขยับไปพร้อมกันเป็นชิ้นเดียว หากรถยังขยับได้เองแสดงว่ายังรัดไม่แน่นพอ
- เก็บปลายสายรัดที่เหลือให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้สะบัดไปโดนรถ
- ข้อควรจำ: หลังจากขับรถออกไปประมาณ 5-10 กิโลเมตร ควรจอดในที่ปลอดภัยเพื่อตรวจสอบและดึงสายรัดทั้งหมดให้แน่นอีกครั้ง
ประมาณการค่าใช้จ่ายขนย้ายมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเอง
แม้จะไม่ได้จ่ายค่าบริการ แต่ค่าใช้จ่ายขนย้ายมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเอง ก็มีหลายส่วนที่ต้องนำมาคิดคำนวณ
- ค่าน้ำมัน: คำนวณตามระยะทางไป-กลับของรถกระบะ
- ค่าเช่า/ซื้ออุปกรณ์: หากไม่มีอุปกรณ์อย่างสะพานหรือสายรัด อาจมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้น
- ค่าทางด่วน: หากเส้นทางที่ใช้ต้องผ่านทางด่วน
- ค่าเสียเวลาและโอกาส: เวลาหนึ่งวันที่คุณใช้ในการขนย้าย อาจสามารถนำไปทำอย่างอื่น(ที่มีมูลค่า) ได้
- ค่าความเสี่ยง (ที่ประเมินไม่ได้): ต้นทุนที่แพงที่สุดหากเกิดข้อผิดพลาด การซ่อมรถที่เสียหายจากการขนย้ายที่ไม่ถูกวิธี อาจมีราคาสูงกว่าค่าจ้างบริษัทมืออาชีพหลายเท่าตัว
ทุกเรื่องต้องรู้: เมื่อใช้บริการขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์มืออาชีพ

หากคุณให้ความสำคัญกับความอุ่นใจ, ความปลอดภัยของรถคันโปรด, และความสะดวกสบายที่ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน การเลือกใช้บริการขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์มืออาชีพ คือคำตอบที่ใช่ที่สุด ทางเลือกนี้จะตัดความกังวลและขั้นตอนที่ยุ่งยากออกไปทั้งหมด แต่การจะได้รับบริการที่ดีที่สุดนั้น คุณจำเป็นต้องรู้ว่าจะเลือกผู้ให้บริการอย่างไร และมีปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องพิจารณา
ข้อดี-ข้อเสียของการจ้างผู้ให้บริการขนย้ายมืออาชีพ
การจ่ายเงินเพื่อแลกกับบริการระดับมืออาชีพมีข้อดีที่โดดเด่น แต่ก็มีบางประเด็นที่ต้องพิจารณาเช่นกัน
ข้อดี:
- ปลอดภัยสูงสุดและมีประกัน: จุดแข็งที่สุดคือความปลอดภัย บริษัทมืออาชีพมีอุปกรณ์และยานพาหนะที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ พร้อมทีมงานที่ชำนาญ และที่สำคัญที่สุดคือ มีประกันคุ้มครองความเสียหาย หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
- สะดวกสบายและประหยัดเวลา: บริการส่วนใหญ่เป็นแบบ Door-to-Door คือมารับถึงที่และส่งถึงปลายทาง คุณแค่เตรียมเอกสารและรอรับรถเท่านั้น
- ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์เอง: ไม่ต้องวุ่นวายหาซื้อหรือเช่าอุปกรณ์ใดๆ บริษัทจัดการให้ทั้งหมด
- เชี่ยวชาญเส้นทาง: โดยเฉพาะการขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์ข้ามจังหวัด บริษัทจะรู้เส้นทางที่ดีที่สุดและจัดการเรื่องการเดินทางทั้งหมด
ข้อเสีย:
- ค่าบริการสูงกว่า: เป็นทางเลือกที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการลงมือทำเองอย่างชัดเจน
- ความยืดหยุ่นน้อยกว่า: คุณต้องดำเนินการตามตารางและรอบเวลาที่บริษัทกำหนด อาจไม่สามารถกำหนดวัน-เวลาที่ต้องการได้เป๊ะๆ
- ต้องเลือกผู้ให้บริการที่ไว้ใจได้: คุณภาพของบริการขึ้นอยู่กับบริษัทที่คุณเลือก การเลือกผิดอาจนำมาซึ่งปัญหาได้
วิธีเลือกบริการขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์ข้ามจังหวัดที่ไว้ใจได้
การเลือกบริษัทที่ใช่คือกุญแจสำคัญ นี่คือ Checklist ที่จะช่วยให้คุณคัดกรองผู้ให้บริการอย่างมืออาชีพ
1. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือและรีวิว:
- ค้นหาชื่อบริษัทบน Google และโซเชียลมีเดีย มองหาบริษัทที่จดทะเบียนชัดเจน มีตัวตน และที่สำคัญคือการอ่าน “รีวิวบริการขนมอเตอร์ไซค์” จากผู้ใช้งานจริงตาม Facebook Page, Google Maps หรือเว็บบอร์ดต่างๆ เพื่อดูประสบการณ์ของลูกค้ารายอื่น
2. สอบถามเรื่อง “ประกันความเสียหาย” ให้ชัดเจน:
- นี่คือสิ่งที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด! สอบถามให้ละเอียดว่าประกันครอบคลุมกรณีใดบ้าง? วงเงินคุ้มครองเท่าไหร่? และมีเอกสารยืนยันหรือไม่? บริษัทที่เป็นมืออาชีพต้องมีประกันให้เสมอ
3. ขอดูรูปรถที่ใช้สำหรับขนส่ง:
- สอบถามและขอดูรูปยานพาหนะที่ใช้ขนส่งว่าเป็นแบบไหน เช่น เป็นรถกระบะตู้ทึบ หรือเป็นรถกระบะคอก การได้เห็นภาพจะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้น
4. ต้องมีเอกสารยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร:
- ผู้ให้บริการที่ดีควรมีใบรับงานหรือสัญญาที่ระบุรายละเอียดชัดเจน ทั้งชื่อผู้ส่ง-ผู้รับ, รุ่นรถ, ราคา, วันที่รับ-ส่ง และเงื่อนไขการรับประกัน เพื่อใช้เป็นหลักฐาน
5. การสื่อสารและความเป็นมืออาชีพ:
- ลองพูดคุยสอบถามกับพนักงาน สังเกตการให้ข้อมูล ความชัดเจนในการตอบคำถาม และความใส่ใจในการบริการ สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงมาตรฐานของบริษัทได้เป็นอย่างดี
ค่าใช้จ่ายในการจ้างบริการขนย้ายมอเตอร์ไซค์คิดอย่างไร?
ค่าใช้จ่ายขนย้ายมอเตอร์ไซค์ของแต่ละบริษัทจะแตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่มักคำนวณจากปัจจัยเหล่านี้
- ระยะทาง: ปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุด ยิ่งไกล ราคายิ่งสูง
- ประเภทและขนาดของรถมอเตอร์ไซค์: รถ Big Bike ขนาดใหญ่ หรือรถที่มีน้ำหนักมาก จะมีราคาสูงกว่ารถ Scooter หรือมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก
- รูปแบบการขนส่ง: การขนส่งแบบส่วนตัว(เหมาคัน)จะมีราคาสูงกว่าการขนส่งแบบรวมไปกับรถคันอื่นๆ
- วงเงินประกันที่เลือก: หากต้องการเพิ่มวงเงินประกันให้ครอบคลุมมูลค่ารถที่สูงเป็นพิเศษ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- บริการเสริม: เช่น บริการขนส่งด่วนพิเศษ หรือการกำหนดเวลาที่เฉพาะเจาะจงมาก
คำแนะนำ: ทางที่ดีที่สุดคือการติดต่อขอใบเสนอราคาจากบริษัทที่คุณสนใจอย่างน้อย 2-3 เจ้า เพื่อนำข้อมูลและราคามาเปรียบเทียบประกอบการตัดสินใจครับ
สรุป…
หลังจากที่เราได้เจาะลึกข้อมูลทั้งสองรูปแบบ ทั้งข้อดี-ข้อเสีย และขั้นตอนต่างๆ แล้ว ก็มาถึงคำถามสุดท้ายที่สำคัญที่สุด นั่นคือทางเลือกไหนที่เหมาะสมกับคุณจริงๆ
เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ลองดูว่าสถานการณ์ของคุณตรงกับข้อไหนมากที่สุด
เลือก “ขนย้ายด้วยตัวเอง” ถ้า…
คุณคือสายลุยที่เหมาะกับการจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง หากคุณเข้าข่ายตามลิสต์นี้:
เลือก “ใช้บริการมืออาชีพ” ถ้า…
คุณคือสายที่เน้นความสะดวกสบายและต้องการความปลอดภัยสูงสุด หากสถานการณ์ของคุณเป็นแบบนี้:
สุดท้ายแล้ว ไม่มีคำตอบที่ “ผิดหรือถูก” มีแต่คำตอบที่ “เหมาะสม” ที่สุดสำหรับสถานการณ์, งบประมาณ, และระดับความสบายใจของคุณ ขอให้การขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์ของคุณในครั้งนี้ราบรื่นและปลอดภัยครับ!
“อุ่นใจกว่า! ขนย้ายมอเตอร์ไซค์กับเราวันนี้ พร้อมประกันคุ้มครองเต็มวงเงิน ส่งถึงหน้าบ้านคุณ เช็คราคาเลย!”
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์ (FAQ)
เราได้รวบรวมคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการขนย้ายมอเตอร์ไซค์มาตอบให้แบบชัดเจน เพื่อคลายทุกข้อกังวลใจของคุณ
ขนย้ายรถมอเตอร์ไซค์ข้ามจังหวัด ใช้เวลากี่วัน?
โดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับ ระยะทาง และ รอบการจัดส่งของผู้ให้บริการ เป็นหลัก
- เส้นทางยอดนิยม: เช่น กรุงเทพฯ – เชียงใหม่, กรุงเทพฯ – ภูเก็ต หรือเส้นทางข้ามภาคอื่นๆ อาจใช้เวลาประมาณ 2-5 วัน
- บริการขนส่งด่วน: หากเลือกใช้บริการแบบเหมาคันหรือขนส่งด่วนพิเศษ อาจใช้เวลาเพียง 1-2 วัน แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
ทางที่ดีที่สุดคือการสอบถามโดยตรงกับบริษัทขนส่งที่คุณเลือก เพื่อรับข้อมูลรอบการจัดส่งที่แน่นอนที่สุดครับ
ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างในการขนส่ง?
ไม่ว่าคุณจะขนย้ายเอง (เพื่อแสดงตามจุดตรวจ) หรือใช้บริการมืออาชีพ เอกสารสำคัญที่ควรเตรียมให้พร้อมเสมอ มีดังนี้:
- สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ: พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
- สำเนาทะเบียนรถ (สมุดเขียว): เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าว พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องเช่นกัน
คำแนะนำ: ควรเก็บเอกสารตัวจริงไว้กับตัว และเตรียมชุดสำเนาสำหรับผู้ให้บริการขนส่งครับ
มีประกันความเสียหายระหว่างขนส่งหรือไม่?
คำถามนี้ขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณเลือกอย่าง…
- กรณีขนย้ายด้วยตัวเอง: จะไม่มีประกันคุ้มครอง ความเสียหายทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นถือเป็นความรับผิดชอบของคุณเอง 100%
- กรณีใช้บริการมืออาชีพ: บริษัทขนส่งที่ได้มาตรฐาน จะต้องมีประกันภัยพื้นฐาน คุ้มครองความเสียหายระหว่างการขนส่งให้เสมอ คุณควรอ่านรายละเอียดและสอบถามวงเงินความคุ้มครองในกรมธรรม์ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจใช้บริการ เพื่อความอุ่นใจของตัวคุณ
สามารถส่งของอย่างอื่นไปพร้อมกับรถได้ไหม?
โดยทั่วไปแล้ว บริษัทขนส่งส่วนใหญ่ ไม่แนะนำหรือไม่อนุญาต ให้นำสิ่งของมีค่าอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับตัวรถ (เช่น เสื้อผ้า, ของใช้ส่วนตัว) ส่งไปพร้อมกัน เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย, การป้องกันการสูญหาย, และประกันภัยมักจะไม่ครอบคลุมสิ่งของอื่นนอกจากตัวรถและอุปกรณ์มาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม หากเป็นของชิ้นเล็กๆ ที่จำเป็นต้องใช้กับรถ เช่น หมวกกันน็อก หรือผ้าคลุมรถ บางบริษัทอาจอนุโลมให้ส่งไปด้วยได้ ทางที่ดีที่สุดคือการ สอบถามนโยบายของแต่ละบริษัทโดยตรง ก่อนทำการจัดส่งครับ